วันนี้เรามีข้อแนะนำดี ๆ ในการฝึกฝนตนเอง ที่ได้จากเพจ The Founder มาฝากผู้อ่านกัน
1. จัดลำดับความสำคัญของสุขภาพร่างกายและจิตใจ
ไม่ว่าจะทำงาน ไปเที่ยว หรือทำงานอดิเรก ทุกอย่างล้วนต้องใช้ร่ายกาย มีงานวิจัยยืนยันว่าสุขภาพที่ดี จะส่งผลให้สุขภาพสมองและสุขภาพจิตดีขึ้นตามไปด้วย การดูแลความเป็นอยู่ที่ดีทั้งร่างกายและจิตใจเป็นสิ่งสำคัญสำหรับชีวิตที่ดี อาจรวมไปถึงการออกกำลังกายเป็นประจำ การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และการฝึกเทคนิคการจัดการความเครียด เช่น การทำสมาธิหรือโยคะนั่นเอง
2. สร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น
มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ความสุข 90% ของเราจึงมาจากคนรอบข้าง มีงานวิจัยมากมายที่ยืนยันว่าคนที่สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้างจะมีความสุขมากกว่า ทั้งความสุขในการทำงานและความสุขจากงานอดิเรก เช่น ท่องเที่ยว รวมถึงจะมีโอกาสในหน้าที่การงานที่ดีกว่า ดังนั้นหาเวลาเชื่อมต่อกับผู้อื่นและลงทุนในความสัมพันธ์เหล่านั้นบ้าง
3. แบ่งเวลาทำงานตามแพชชั่น
มีงานวิจัยยืนยันว่า การแบ่งเวลามาทำตามแพชชั่นหรืองานที่ตัวเองหลงใหล จะสร้างความสุขและช่วยเพิ่มพลังได้ การมีส่วนร่วมในกิจกรรมและงานอดิเรกที่รักนั้นสามารถทำให้เกิดจุดมุ่งหมายและเติมเต็มให้ชีวิตได้ หาเวลาให้กับสิ่งที่ตนเองรัก ไม่ว่าจะเป็นการวาดภาพ เดินป่า หรือเล่นดนตรี เป็นต้น
4. ฝึกฝนการสร้างทัศนคติที่ดี
บางคนคิดว่าทัศนคติเป็นสิ่งที่มีมาแต่กำเนิด แต่จริง ๆ แล้วเราสามารถฝึกฝนเพื่อสร้างทัศนคติที่ดีได้ การใช้เวลาเพื่อชื่นชมสิ่งดี ๆ ในชีวิตสามารถปรับปรุงอารมณ์และความรู้สึกโดยรวมของเราที่เป็นอยู่ให้ดี ลองจดบันทึกสิ่งที่เรารู้สึกขอบคุณในแต่ละวัน
5. เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ
การเรียนรู้ในไม่มีวันจบสิ้น การเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ และการเพิ่มพูนความรู้ความสามารถช่วยให้จิตใจเฉียบคมขึ้นได้ ลองหางานอดิเรกใหม่หรือลงคอร์สเรียนในหลักสูตรเพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ การเรียนไม่เพียงเพิ่มพูนความรู้เท่านั้น แต่ยังได้ไอเดียใหม่ๆ ที่สามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตได้อีกด้วย
6. ตอบแทนผู้อื่น
มีคนกล่าวไว้ว่า ความสำเร็จของคนเรา 50% มาจากคนอื่น ดังนั้นอย่าลืมที่จะแสดงความขอบคุณต่อผู้คน การขอบคุณไม่เพียงทำให้ทั้งเราและเขามีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นมากขึ้น แต่ยังช่วยสร้างความสุขที่ดีแก่ตัวเราเองอีกด้วย นอกจากนี้การช่วยเหลือผู้อื่นจะทำให้ชีวิตของคุณมีจุดมุ่งหมายและเติมเต็ม ถ้ามีเวลาว่างลองเป็นอาสาสมัคร บริจาคเพื่อการกุศล หรือช่วยเหลือเพื่อนที่ต้องการความช่วยเหลือ
7. ฝึกสติ
สติหมายถึงการอยู่กับปัจจุบันและมีส่วนร่วมกับสิ่งรอบตัวอย่างเต็มที่ ลองรวมการฝึกสติเข้ากับกิจวัตรประจำวันของคุณ เช่น การทำสมาธิหรือการฝึกหายใจ
8. รักษาสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิต
การหาสมดุลที่ดีระหว่างงานและชีวิตส่วนตัวสามารถช่วยลดความเครียดและปรับปรุงความเป็นอยู่โดยรวมของเราได้ อย่าลืมจัดลำดับความสำคัญของชีวิตส่วนตัวและหาวิธีตัดขาดจากงานเมื่อคุณไม่ได้อยู่เวลาทำงาน
9. ตั้งเป้าหมายที่ทำได้
ถ้าเปรียบชีวิตเหมือนการเดินเรือ การมีเป้าหมายก็คงเหมือนมีเข็มทิศ การตั้งเป้าหมายไม่เพียงช่วยให้เราไม่หลงทาง แต่การบรรลุเป้าหมายสามารถช่วยเพิ่มความมั่นใจในตนเองและให้ความรู้สึกถึงความสำเร็จ กำหนดเป้าหมายที่เป็นจริงและบรรลุผลได้ และแยกออกเป็นขั้นตอนย่อย ๆ ที่จัดการได้
10. ปลูกฝังความคิดเชิงบวก
การยอมรับทัศนคติเชิงบวกและการมุ่งเน้นสิ่งดี ๆ ในชีวิตของคุณสามารถช่วยปรับปรุงความสุขและความเป็นอยู่โดยรวมของคุณ ฝึกพูดกับตัวเองในเชิงบวกและล้อมรอบตัวเองด้วยผู้คนที่คิดบวกและให้การสนับสนุน